SKU รหัสที่ช่วยจัดการประเภทสินค้าได้ละเอียดและง่ายที่สุด

          SKU ย่อมาจาก Stock Keeping Unit คือหนึ่งในสิ่งที่ช่วยให้การจัดสต็อกสินค้าที่ร้านค้าออนไลน์หรือร้านค้าทั่วไปจะสามารถเจาะจงคุณสมบัติต่างๆ ที่ไม่เหมือนกันเลยในทุกๆ สินค้าได้ ซึ่งหากว่าร้านค้าของคุณมีขนาดใหญ่มากเท่าไหร่ก็จะต้องจัดสต็อกสินค้าและนับสต็อกสินค้าให้รัดกุมมากขึ้นเท่านั้น ฉะนั้น SKU ก็จะเข้ามามีบทบาทในการจัดการมากยิ่งขึ้น โดยก็จะรองรับการใช้งานกับสินค้าหลายแบบใน 1 รายการ

SKU คืออะไร ใช้อย่างไรได้บ้าง

          SKU (Stock Keeping Unit) คือหน่วยการใช้งานที่สามารถวัดประเภทสินค้าที่เล็กที่สุดในระบบคลังสินค้าที่จะช่วยให้ผู้ขายสามารถจัดขนาดและจำแนกสินค้าได้โดยง่ายและทำให้ทั้ง ผู้ขาย ผู้จัดส่งและผู้ซื้อสินค้าเข้าใจตรงกันว่าสินค้าชิ้นนี้มี สี,ไซต์,ความกว้าง,น้ำหนัก,รสชาติ,ยี่ห้อและรุ่น ของสินค้าชิ้นนี้คืออะไร ซึ่ง SKU เองก็จะใช้สามารถแยกความแตกต่างของสินค้าแต่ละชิ้นได้ง่ายและลดโอกาสในการผิดพลาดในการจัดการหน้าร้านได้สูงมาก

วิธีการใช้งาน SKU (Stock Keeping Unit)

          SKU เป็นระบบที่ไม่ได้มีมาตรฐานชัดเจนตายตัวเหมือนกับ บาร์โค้ด หรือ Universal Product Code ที่เป็นรหัสสากลด้วยเลข 12 หลัก ที่ใช้กันทั่วโลก แต่ SKU จะเป็นการกำหนดรหัสสินค้าตัวใดตัวหนึ่งขึ้นมาเองโดยจะทำการกำหนดรหัสและเลขยกตัวอย่างเช่น เสื้อหนึ่งรุ่นของร้านค้าที่เป็นของผู้ชาย มี 3 สี 4 ไซต์ ทำให้มีทั้งหมด 3*4=12 รูปแบบ และเมื่อมีจำนวนสินค้า 20 ตัว ต่อ 1 แบบ จะทำให้มีสินค้าทั้งหมด 240 ตัว โดยการใช้ SKU อาจจะแห่งรหัสของสีเสื้อแต่ละแบบออกได้เช่น

• 3 ตัวย่อแรกเป็นชื่อสินค้า 
• 3 ตัวอักษรต่อมาเป็นสีสินค้า
• 4 ตัวเลขหลังสุดเป็นขนาดของสินค้า

แต่การใช้งาน SKU จะมีข้อควรระวังเล็กน้อยตามนี้

1. SKU ควรมีความยาวตั้งแต่ 6-16 ตัว โดยไม่ควรยาวเกินไปเพราะจะทำให้อ่านยากนั่นเอง
2. ห้ามใช้เลข 0 หรือ ตัว o ในการเริ่มต้น หรือตัวอักษรที่คล้ายกับตัวเลขอย่าง 1 กับ l i เพราะจะทำให้เกิดความสับสนได้ง่าย
3. ไม่ควรใช้เครื่องหมายทับหรือการเว้นวรรค “ &”,“%”,“?”, เครื่องหมายคำพูด, จุลภาคหรืออักขระพิเศษอื่นๆ และภาษาไทยในรหัส SKU เด็ดขาดเพราะจะทำให้ระบบเกิดความสับสนได้ง่าย
4. ไม่ควรเริ่ม SKU ด้วย 0 เนื่องจากแอปพลิเคชัน Excel หรือสเปรดชีตจะตัด 0 ออกเพื่อลดการผิดพลาดลงนั่นเอง

          SKU คือชุดรหัสที่จะช่วยให้การจัดสรรคลังสินค้าของร้านค้าทั่วไปให้ง่ายและสามารถเจาะจงรูปแบบต่างๆ ของสินค้าได้อย่างชัดเจนในทุกๆ สินค้ามากที่สุด โดยร้านค้าที่มีขนาดใหญ่และสต็อกสินค้าไว้เป็นจำนวนมากก็จะต้องมีระบบการจัดการที่รัดกุมมากยิ่งขึ้นเช่นกัน ฉะนั้นระบบการใช้ SKU จึงเข้ามามีบทบาทในการจัดการสินค้ามากยิ่งขึ้นนั่นเอง