สำหรับ e-commerce หมายถึงการพาณิชย์ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือคือการทำธุรกิจหรือการซื้อขายสินค้าผ่านสื่ออิเล็คทรอนิกส์ออนไลน์ ซึ่งในอดีตการค้าขายอาจจะอยู่ในรูปแบบของ offline นั่นคือร้านค้า ร้านโชห่วยหรือธุรกิจที่มีรูปแบบบริษัทอยู่ในตึกสูงใหญ่ หรือเป็นออฟฟิศเป็นต้น แต่ปัจจุบันการพาณิชย์หรือการค้าขายสามารถทำได้ผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งเป็นการลดต้นทุนและลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้มากทีเดียว
เว็บไซต์ e-commerce ที่ดีควรมีอะไรบ้าง
ปัจจุบันการทำธุรกิจแบบ e-commerce ก็ได้รับความนิยมมากทีเดียว พระกิจใหม่ใหม่เกิดขึ้นมากมายโดยเฉพาะผู้ให้บริการเว็บไซต์ด้านอีคอมเมิร์ซ ดังนั้นสำหรับผู้ที่เริ่มต้นอยากทำธุรกิจผ่าน e-commerce จะต้องมีความรู้ความเข้าใจ จะต้องทราบวิธีการเลือกเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่ดีเพื่อการบริหารจัดการธุรกิจที่ติดไปอย่างราบรื่น วันนี้เราก็รวบรวมข้อดีของการปรับแต่งเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซมาฝากกันด้วย
1.เว็บไซต์ e-commerce ที่ดีนั้นจะต้องเป็นระเบียบมีการออกแบบที่เรียบง่ายแต่เน้นความสวยงาม หน้าเว็บไซต์จะต้องมีการแบ่งหมวดหมูสินค้าอย่างชัดเจนค้นหาง่ายและไม่ซับซ้อน
2. ส่วนของระบบหลังร้านจะต้องมีเครื่องมือควบคุมที่ใช้งานง่ายเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ขาย เพราะหากเต็มไปด้วยเครื่องมือที่ซับซ้อนแล้วการใช้งานก็จะยุ่งยากทำให้การจัดระบบไม่เป็นไปตามที่ต้องการ
3. สำหรับเว็บไซต์ e-commerce ที่ดีนั้นจะต้องมีการลงรายละเอียดสินค้าอย่างครบถ้วนมีการลงภาพและคำอธิบายประกอบ และจะต้องมีในส่วนของราคา หรืออาจจะเพิ่มในส่วนของรีวิวลูกค้าใช้จริงเพื่อช่วยในการตัดสินใจซื้อได้อีกทาง
4. จะต้องมีการแสดงสถานะสินค้าแบบเรียลไทม์ เช่นสินค้าหมดไปต้นโดยจะต้องมีการแสดงจำนวนยอดคงเหลือของสินค้าให้ลูกค้าเห็นเพื่อง่ายต่อการตัดสินใจซื้อ
5. ในส่วนของขั้นตอนการสั่งซื้อนั้นจะต้องมีความเรียบง่ายไม่ซับซ้อนและไม่หลายขั้นตอนจนเกินไป หาบางคนก็เบื่อหน่ายกับความยุ่งยากหรือต้องกรอกนู่นกรอกนี่ไม่จบสิ้นเสียที
6. ใช้ระบบตะกร้าเพื่อเอื้ออำนวยความสะดวกในการสั่งซื้อ ยังง่ายต่อการจัดการระบบหลังร้านด้วย
7. มันทำขั้นตอนของการสรุปรายการสั่งซื้ออีกครั้ง เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นสินค้าที่สั่งซื้อไปและค่าจัดส่งรวมถึงได้ดูสรุปยอดจำนวนเงินที่ต้องชำระเป็นต้น
8. เน้นความปลอดภัยด้านระบบการชำระเงิน ควรมีช่องทางที่หลากหลายเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าอย่างเช่นการชำระผ่านบัตรหรือโอนผ่านธนาคารชั้นนำเป็นต้น
9.สร้างระบบติดตามการจัดส่ง เพื่อให้ลูกค้าได้ติดตามความเคลื่อนไหว ผ่าน tracking อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าว่า สินค้าจะถึงมืออย่างแน่นอน
10. เว็บไซต์ e-commerce จะต้องรองรับการทำ seo เพื่อสามารถลงเนื้อหา content ที่เป็นประโยชน์ ด้วยการใส่คีย์เวิร์ดลงไปเพื่อให้ลูกค้าค้นเจอผ่าน google ได้อย่างสะดวก จึงทำให้เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซมีโอกาสขายได้มากขึ้น
ฉะนั้นหากอยากเริ่มต้นธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการขายสินค้า ลองใช้เว็บไซต์ e-commerce เพื่อระบบการจัดการที่ดี ซื้อง่ายขายคล่องใช้เป็นระบบหลักในการค้าขาย และเสริมด้วยสื่อโซเชียลต่างๆ เพื่อเป็นช่องทางในการกระจายข่าวสาร ก็จะทำให้สินค้าของคุณเป็นที่รู้จักในเวลาอันรวดเร็ว